หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าโบท็อกนอกจากจะฉีดลดริ้วรอย ฉีดกรามหน้าเรียวแล้ว ยังสามารถฉีดลดเหงื่อบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้าและรักแร้ได้ด้วย จุดที่นิยมฉีดลดเหงื่อที่สุดคือ ฉีดโบท็อกรักแร้ นั่นเองค่ะ ก่อนตัดสินใจว่าฉีดโบท็อกรักแร้ดีมั้ย? ต้องฉีดกี่ยูนิต ผลลัพธ์ถาวรรึเปล่า เหมาะกับใครบ้าง? บทความนี้จะตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับโบท็อกรักแร้ค่ะ เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจสามารถเลือกอ่านหัวข้อได้ดังต่อไปนี้
โบท็อกรักแร้ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
โบท็อกรักแร้ คือ การฉีดสาร Botulinum toxin type A ข้างละ 50-100 ยูนิต เข้าไปบริเวณรักแร้โดยฉีดกระจาย 20-30 จุดทั่วบริเวณรักแร้ โบท็อกจะเข้าไปยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อใต้รักแร้ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง กลิ่นตัวก็ลดลงตามไปด้วย หลายคนมีปัญหาเหงื่อรักแร้ออกเยอะ ส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจ การโบท็อกรักแร้สามารถลดเหงื่อและกลิ่นตัวได้มากกว่า 70-80% เลยล่ะค่ะ
โบท็อกรักแร้เหมาะกับใครบ้าง?
- เหมาะสำหรับคนไข้เหงื่อออกง่าย เหงื่อออกเยอะ ขาดความมั่นใจ
- เหมาะสำหรับคนไข้ออกกำลังกายเล่นกีฬากลางแจ้ง
- เหมาะสำหรับคนไข้แพ้สเปรย์หรือลูกกลิ้งระงับกลิ่นกาย
- เหมาะสำหรับคนไข้ที่น้ำหนักเกินเกณฑ์เหงื่อออกเยอะ
- เหมาะสำหรับคนไข้ที่แพ้เหงื่อตัวเอง
- เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว
- เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องออกงานสังคม ใส่เสื้อแขนสั้นหรือเสื้อแขนกุดบ่อยๆ
เหงื่อและกลิ่นกายเกิดจากอะไร?
เหงื่อเกิดจากการร่างกายระบายความร้อนและขับของเสียออกมาก เหงื่อออกมากทำให้มีกลิ่นกายตามมาด้วย เหงื่อจึงเป็นกระบวนการถ่ายเทความร้อนในร่างกายของมนุษย์รูปแบบหนึ่งนั่นเองค่ะ
โบท็อกรักแร้ลดเหงื่อกี่วันเห็นผล และได้ผลลัพธ์ถาวรมั้ย?
หลังฉีดโบท็อกรักแร้ไปแล้ว 5-7 วัน จะสังเกตได้ชัดเจนเลยว่าปริมาณเหงื่อใต้วงแขนลดน้อยลง ผลลัพธ์หลังการฉีดไม่ถาวร เพราะโบท็อกจะสลายไปเองไม่ตกค้างกับร่างกาย จำเป็นต้องฉีดเรื่อยๆเพื่อคงสภาพผลลัพธ์ ปกติแล้วโบท็อกริ้วรอย โบท็อกกรามจะคงสภาพอยู่ได้นานถึง 6 เดือน แต่โบท็อกรักแร้โบท็อกจะสลายเร็วกว่าผลลัพธ์จะอยู่ได้ราวๆ 3-4 เดือน คนไข้สามารถมาฉีดได้เรื่อยๆ ไม่ต้องมีเวลาเตรียมตัวหรือพักฟื้นหลังการฉีด หากได้รับการฉีดโบท็อกกับแพทย์เชี่ยวชาญ ในปริมาณและความถี่ที่เหมาะสม โอกาสดื้อโบท็อกหรือฉีดโบท็อกแล้วไม่ได้ผลจะเกิดขึ้นได้น้อยมากๆค่ะ
วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกลดเหงื่อ
- พยายามลดน้ำหนักเพราะน้ำหนักเยอะทำให้เหงื่อออกเยอะกว่าคนปกติ
- สวมใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบายเพื่อลดความอับชื้น
- อาบน้ำดูแลทำความสะอาดร่างกายอยู่เสมอ
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นหรือร้อน เพราะจะทำให้รูขุมขนเปิดกว้างเหงื่อออกได้เยอะ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง เครื่องเทศฉุน อาหารหมักดอง เพราะทำให้มีกลิ่นกาย
- งดการใช้สเปรย์หรือโรลออนรักแร้ประมาณ 1-2 วัน
- งดการทำเลเซอร์ชนรักแร้ 1-2 วัน
- งดการสครับขัดผิวใต้วงแขนเป็นเวลา1-2 วัน
- งดแอลกอฮอล และบุหรี่เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- ดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ1.5-2 ลิตรเพื่อคงสภาพให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้นานขึ้น
ข้อดีและข้อเสียของโบท็อกรักแร้ลดเหงื่อ
ข้อดี
- เห็นผลลัพธ์เร็ว ชัดเจน
- ไม่ต้องพักฟื้น
- ไม่ต้องเตรียมตัวก่อนฉีด
- ดูแลตัวเองได้ง่ายขึ้น
- เสริมสร้างความมั่นใจและบุคลิกให้ดีขึ้น
- ลดปัญหากลิ่นกาย เพราะเหงื่อน้อยลง กลิ่นกายก็จะน้อยลงด้วย
- ราคาในการฉีดต่อครั้งไม่แพง
ข้อเสีย
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดเรื่อยๆเพื่อคงสภาพผลลัพธ์
- ระวังการฉีดโบท็อกปลอมหรือฉีดกับหมอกระเป๋า การฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้คุณภาพส่งผลให้เกิดภาวะดื้อโบท็อกในอนาคต ซึ่งเป็นภาวะที่รักษาไม่หาย
- ต้องฉีดกับแพทย์เชี่ยวชาญ เพราะหากฉีดไม่ตรงจุดจะทำให้ไม่เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ฉีดโบท็อกรักแร้ ราคาเท่าไหร่? ใช้กี่ยูนิต?
การฉีดโบท็อกรักแร้เพื่อลดเหงื่อใต้วงแขน จะฉีดโบท็อกใต้วงแขนข้างละ 50-100 ยูนิต โดยจะกระจายฉีด 20-30 จุดทั่ววงแขน ราคาโบท็อก 200 ยูนิต ราคา 9,663 บาท หากใช้โบท็อกไม่หมด สามารถเก็บไว้ใช้รอบหน้าได้ จะเปิดขวดฉีดใหม่ทุกครั้งค่ะ
สรุป
การโบท็อกรักแร้เพื่อลดเหงื่อเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมรองลงมาจากการโบท็อกลดกราม ลดริ้วรอย เพราะได้ผลลัพธ์ชัดเจนมากถึง 70-80% ไม่ต้องพักฟื้น สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง และราคาไม่แพงด้วยค่ะ สำหรับคนไข้ที่สนใจโบท็อกรักแร้ลดเหงื่อ สามารถนัดปรึกษาได้ที่กังนัมคลินิกทุกสาขาใกล้บ้านท่านได้เลยค่ะ