โบท็อกซ์เป็นวิธีที่สามารถช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวย ช่วยลดเลือนริ้วรอย ลิฟท์กรอบหน้า ลดปีกจมูก กระชับโหนกแก้มได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว และ เป็นตัวช่วยที่ทำให้การปรับรูปหน้าส่วนต่างๆให้เป็นไปได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นเลยก็ว่าได้ การรักษาด้วยโบท็อกซ์นี้จะให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในระยะเวลา 7-14 วันเท่านั้น และอยู่ได้นานถึง 3 – 6 เดือนเลยทีเดียว หลังจากนั้นคนไข้สามารถกลับมาฉีดโบท็อกซ์ได้เรื่อยๆ เพื่อคงผลลัพธ์เอาไว้
โบท็อกซ์คืออะไร?
โบท็อกซ์เป็นหนึ่งในสารสกัดที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งของวงการความสวยความงามทั่วโลกเป็นโปรตีนบริสุทธิ์ ซึ่งสกัดได้จาก Botolinum Toxin type A เพราะโบท็อกซ์มีประสิทธิภาพออกฤทธิ์ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ที่ก่อเกิดริ้วรอยย่นคลายตัว จึงมีการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยกันอย่างแพร่หลาย นอกจากนั้นโบท็อกซ์ยังสามารถช่วยในการปรับแต่งแก้ไขข้อบกพร่องของใบหน้าส่วนต่าง ๆ ให้ดูดีขึ้นได้ ด้วยการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณ หรือม้ากระทั่งการลดขนาดของกรอบหน้าและการยกกระชับใบหน่าให้เรียวสวยและเต่งตึง
สาเหตุของการหย่อนคล้อยของใบหน้า
- อายุ เมื่ออายุมากขึ้นผิวก็เริ่มเกิดเกิดความหย่อนคล้อย
- โดนแสงแดดทำร้าย แสงแดด มี รังสี UV ที่ทำลายชั้นของเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวขาดความหยืดหยุ่น และเกิดความหย่อนคล้อย
- Lifestyle การดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อยมากกว่าคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือไม่สูบบุหรี่
- ความเครียด เพราะความเคร่งเครียดทำให้เซลล์ผิวหนังเสื่อมโทรม
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายจะสูญเสียโอกาสที่ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน หากขาดฮอร์โมนชนิดนี้ผิวหนังก็จะหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่นได้
- มลภาวะที่เป็นพิษ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง ควันบุหรี่ มีส่วนทำลายคอลลาเจน
ลิฟท์กรอบหน้า เทคนิคที่นิยมใช้ในการปรับกรอบหน้าด้วยโบท็อกซ์
การลิฟท์กรอบหน้าหน้าด้วยโบท็อกซ์หรือที่มักเรียกกันว่า การลิฟท์ติ้งกรอบหน้า คือ การฉีดโบท็อกซ์ เพื่อคลายกล้ามเนื้อส่วนคอ โดยฉีดบริเวณกรอบหน้า ใต้คาง จะได้ดึงแก้มให้น้อยลงและทำให้โครงหน้าให้ดูคม ชัด มากขึ้น
การฉีดโบท็อกซ์ลิฟท์กรอบหน้ามีด้วยกัน 2 เทคนิค คือ
1.Dermolift
เป็นการฉีดโบท็อกซ์ที่บริเวณแนวกรอบหน้าขึ้นไปด้านบนให้ผิวหนังกระชับขึ้น ควรทำเฉพาะเวลาที่ต้องการผลเร่งด่วนเท่านั้น ไม่ควรทำบ่อยๆ เพราะจะเพิ่มโอกาสในการดื้อโบท็อกซ์ได้ในอนาคต
2.Nefertiti lift
วิธีนี้แพทย์จะฉีดโบท็อกซ์ไปที่กล้ามเนื้อ Platysma บริเวณลำคอซึ่งเป็นกล้ามเนื้อส่วนที่ดึงผิวลง ทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย เมื่อฉีดโบท็อกซ์แล้วจะทำให้ส่วนกล้ามเนื้อส่วนที่ดึงผิวขึ้น มีแรงมากกว่าและทำให้หน้ายกกระชับ
ข้อแตกต่างระหว่างการโบท็อกซ์ลดกราม และการลิฟท์หน้าคืออะไร
การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม คือ แพทย์จะทำการฉีดโบท็อกซ์ที่บริเวณกราม เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวค่อยๆ คลายตัวและเล็กลง ทำให้รูปหน้าดูเรียวยาวได้รูป แต่การลิฟท์หน้าจะช่วยทำให้ใบหน้า ดูกระชับและเข้าที่ กรอบหน้าชัดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และสร้างความเต่งตึงให้ผิวหน้ากลับมาดูเด็กอีก
ทำไมฉีดโบท็อกซ์แล้วหน้าเรียวถึงควรทำคู่กับการลิฟท์กรอบหน้า
เพราะเมื่อฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแล้ว กล้ามเนื้อบริเวณกรามจะมีขนาดเล็กลง อาจส่งผลให้ผิวหนังดูหน่อยคล้อย หรือ แก้มตอบลง การลิฟท์กรอบหน้าจะช่วยให้ในหน้าที่เล็กลงดูเรียวสวย กระชับเต่งตึงคมชัด เป๊ะขึ้นนั้นเอง
ลิฟท์กรอบหน้า ดีอย่างไร?
- ช่วยให้ผิวบริเวณกรอบหน้ากระชับ หน้าดูเรียวขึ้น โดยไม่ต้องง้อการผ่าตัด
- ไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นนานๆ
- เห็นผลรวดเร็วภายใน 7-14 วัน
- สามารถฉีดซ้ำได้ ไม่เป็นอันตราย และรักษาผลไว้ได้นาน
- ถ้าฉีดลิฟท์หน้าร่วมกับโบท็อกซ์ลดกราม จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
- เป็นเทคนิคที่สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับใบหน้า
ข้อเสียของการฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้า
- การลิฟท์กรอบหน้าด้วยการฉีดโบท็อกซ์แท้ จะไม่มีข้อเสียหรือความเสี่ยงให้ต้องกังวลใจ
- เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน และแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ
- การออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ที่จะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน
- ระวังการฉีดโบท็อกซ์ปลอม เพราะจะทำให้เกิดอาการแพ้ การดื้อโบท็อกซ์ได้
- ฉีดโบท็อกซ์ใบปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
การลิฟท์กรอบหน้าด้วยโบท็อกซ์ เหมาะกับใคร
- เหมาะกับทุกเพศทุกวัยที่ต้องการให้ผิวหน้ากลับมาอ่อนเยาว์
- เหมาะสำหรับผู้ที่ใบหน้ามีความหย่อนคลอยไม่มาก และไม่ต้องการผ่าตัดดึงหน้า
- ผู้ที่ต้องการให้รูปหน้าคมชัด แบบเร่งด่วน
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาในการพักฟื้นหลังการผ่าตัด
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการกระตุ้นกระตุ้นคอลลาเจนให้กับใบหน้า
ลิฟท์กรอบหน้าใช้โบท็อกซ์ กี่ ยูนิต?
การฉีดโบท็อกซ์ลิฟท์กรอบหน้า จะใช้ปริมาณโบท็อกซ์ในการฉีดประมาณ 30-50 ยูนิต โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้พิจารณากำหนดปริมาณให้เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้แต่ละราย
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า มีอะไรบ้าง ?
สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจจ่ายเงินเพื่อไปลิฟท์กรอบหน้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้แก่
- หากกำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมลูก จะไม่วามารถฉีดโบท็อกซ์ลดกรามและลิฟท์หน้าได้ เพราะอาจทำให้ลูกน้อยได้รับอันตราย
- คนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับสมองและระบบประสาทจะไม่สามารถทำการโบท็อกซ์ได้
- คนที่มีอาการแพ้ยาบางชนิด ควรแจ้งให้แพทย์อย่างละเอียดก่อนทำ เพื่อลดอาการแพ้ต่างๆ ในภายหลัง
- งดรับประทานยาจำพวก แอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS ได้แก่ Naproxen, Ibruprofen อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อป้องการอาการเขียวช้ำ
- งดทานวิตามิน วิตามินอี น้ำมันปลา สารสกัดจากขิง โสม กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ที่เพราะมีผลทำให้เลือดหยุดไหลยาก
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คอยดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
ดูแลหลังการลิฟกรอบหน้าด้วยโบท็อกซ์อย่างไร
- งดแอลกอฮอล์ เลี่ยงแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงหลังฉีด
- งดการจับ การกดในบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ เป็นเวลา 4 ชม.
- งดการล้างหน้าเป็นเวลา 4 ชม. และ งดทาครีมบำรุง 12 ชม. เพื่อให้โบท็อกซ์ได้ซึมเข้าผิวหนังอน่างมีประสิทธ์ภาพ
- งดการอบไอร้อน แนะนำให้งดอบไอร้อน, ซาวน่า และ เลเซอร์ ภายใน 2 สัปดาห์แรก
- งดอาหารหมักดอง และ เลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ อย่างเช่น ส้มตำปลาร้า ผลไม้ดอง เป็นต้น
- งดออกกำลังกายหนัก ควรงดออกกำลังกายหนักๆ หรือการออกกำลังกายกลางแจ้ง เป็นเวลา 4 ชั่วโมง หลังฉีด
- งดปิ้งย่าง หมูกระทะ ชาบู เพราะความร้อนจากเตาอาจทำให้โบท็อกซ์สลาย
ทำยังไงดี ถ้าเกิดอาการหน้าตึงแข็งหลังฉีดโบท็อกซ์ลิฟท์หน้า
อาการหน้าตึงแข็ง ยิ้มไม้สุดมีสาเหตุมาจากการใช้โบท็อกซ์ในปริมาณที่มากเกินไป แพทย์ขาดความเชี่ยวชาญ หรือ โบท็อกซ์ไหลไปยังตำแหน่งกล้ามเนื้อที่มีผลต่อการยิ้ม คนไข้สามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ดังนี้
- สามารถ ทำทรีสเม้นหน้าพวก Hifu และ RF ได้ ในช่วงไม่เกิน 4 สัปดาห์หลังการฉีด เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะส่งความร้อนทำลายโบท็อกซ์ ส่วนที่ยังไม่ออกฤทธิ์ และทำให้ส่วนที่ออกฤทธิ์ไปแล้วสลายตัวเร็วขึ้น
ทำไมเหนียงเพิ่มขึ้น หลังฉีดโบท็อกซ์ลดกรามอย่างเดียว
ถ้าฉีดโบท็อกซ์ลดกรามอย่างเดียว หลังจากกรามยุบลงแล้ว อาจจะทำให้ผิวหนังหย่อนลงกองที่คอ และทำให้รู้สึกเหมือนมีเหนียงเพิ่มขึ้น
วิธีแก้ไข คือ แพทย์จึงแนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ควบคู่ไปกับ การทำโบท็อกลิฟท์กรอบหน้า เพื่อช่วยให้กรอบหน้ายกกระชับไม่หย่อนคล้อย และสวยเข้ารูป การลิฟท์หน้า โดยฉีดด้วยเทคนิคการฉีดโบท็อกที่กล้ามเนื้อ Platysma บริเวณลำคอของคนไข้ ผิวหนังจะถูกดึงขึ้นและเหนียงจะดูลดลง
โบท็อกซ์แบรนด์ไหนบ้างที่ได้รับความนิยมนำมาลิฟกรอบหน้า
- Allergan จากประเทศอเมริกา
- Neuronox, Botulax, Aestox, Nabota จากประเทศเกาหลี
- Xeomin จากประเทศเยอร์มัน
- Dysport จากประเทศอังกฤษ
ตัวอย่างโบท็อกซ์แท้ Vs โบท็อกซ์ปลอม
- ที่กล่องยาต้องมีเลขทะเบียนกำกับ Reg. No. 1C 21/55 (NB) และระบุว่านำเข้าโดย บริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด, กรุงเทพฯ เท่านั้น
- พื้นกล่องเป็นสีม่วง ในกรณี 100 units จะเป็นสีน้ำตาลแดง ในกรณี 50 units และมีตัวหนังสือสีขาวลักษณะยุบเข้าไป
- สังเกตขวดขวดยาแทบจะไม่เห็นผงยาติดอยู่เลย แต่อาจเห็นเป็นคราบสีขาวขุ่นอยู่ที่ก้นขวด เนื่องจากใช้เทคนิคการผลิตที่ไม่เหมือนใคร ที่เรียกว่า Vacuum drying process
- ที่สำคัญคือ ฉลากข้างขวด เมื่อส่องไฟจะมีคำว่า Allergan ปรากฎอยู่ อันนี้ต้องสังเกตเล็กน้อย
- ให้สังเกตข้อความ รายละเอียดแบบ font หรือ ริ้ว 3 สี ที่หน้ากล่อง อาจจะมีความใกล้เคียงแต่ไม่เหมือนทีเดียว
อันตรายจากการลิฟท์กรอบหน้า โดยใช้โบท็อกซ์ปลอม
เนื่องจากโบท็อกซ์ได้รับความนิยมนำมาใช้ในด้านความงามเป็นอย่างมาก จึงทำให้เกิดการระบาดของโบท็อกซ์ปลอมมากเช่นกัน อันตรายที่เกิดจากโบท็อกซ์ปลอมมีอะไรบ้าง
- ตัวยาที่ไม่บริสุทธิ์ มีความเสี่ยงให้เกิดการแพ้
- มีผลข้างเคียงให้ ปากเบี้ยว หนังตาตก เนื่องจากตัวยาไหลไปโดนกล้ามเนื้อมัดอื่น
- ฉีดโบท็อกซ์แล้วหน้าไม่ตึง กรามไม่ลง หมดฤทธิ์เร็ว หรือทำแล้วไม่ได้ผล
- ต้องฉีดบ่อยขึ้นเพราะหมดฤทธิ์ไว ทำให้มีความเสี่ยงต่อการดื้อยาในอนาคต
- ปัจจุบันการดื้อโบท็อกซ์ ยังคงเป็นภาวะที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้
รู้ได้อย่างไรว่าเราดื้อโบท็อกซ์ ?
- ระยะเวลาการออกฤทธิ์ยาของโบท็อกซ์สั้นลง จากเดิม 6 เดือน เหลือ 4 เดือน และ สั้นลงเรื่อยๆ จนในที่สุดการฉีดโบท็อกซ์ไม่ได้ผลอีกต่อไป
- สามารถทำการทดสอบได้โดยให้แพทย์ฉีดจุดที่มีริ้วรอยเพียงฝั่งเดียว และรอดูผลลัพธ์ หากริ้วรอยไม่หายไปแสดงว่ามีภาวะดื้อโบท็อกซ์
ผลกระทบของการดื้อโบท็อกซ์
- ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้
- อาจจะต้องใช้ยาในปริมาณที่มากขึ้น
- ฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล
วิธีป้องกันการดื้อโบท็อกซ์
- เลือกโบท็อกซ์ของแท้หรือยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ เพราะจะมีสารท็อกซินที่บริสุทธิ์มากที่สุด
- หลีกเลี่ยงโบท็อกซ์ยี่ห้อที่ไม่ได้มาตรฐานหรือที่มีสารโปรตีนปนเปื้อนมาก
- เพราะจะทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านซึ่งเป็นสาเหตุของการดื้อยา
- เลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เท่านั้น เพราะจะวิเคราะห์ใบหน้ารวมถึงปริมาณการใช้ยาได้อย่างแม่นยำ
- เลือกฉีดในปริมาณที่เหมาะสม และควรเว้นระยะเวลาในการฉีด ไม่ฉีดโบท็อกซ์มาก กว่า 3 เดือนต่อครั้ง เพราะให้ดื้อโบท็อกซ์ได้
วิธีแก้ไขการดื้อโบท็อกซ์ ลิฟกรอบหน้าแล้วไม่เห็นผล
- รอให้ภูมิคุ้มกันหมดฤทธิ์ไปเอง โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-3 ปี
- ลองใช้โบท็อกซ์ยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน ที่มีสารบริสุทธิ์สูง ซึ่งหากยังไม่ได้ผล อาจจะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อทางเลือกอื่นในการรักษา เช่น การผ่าตัด